รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
ชาวอียิปต์
จัดเป็นนักช่างสังเกตที่ฉลาด สังเกตความขึ้นลงของแม่น้ำ อันเป็นกฎของธรรมชาติ แล้วเรียบเรียงเป็นปฏิทิน สังเกตโครงสร้างของพืชว่าสามารถนำมาทำประโยชน์ได้
จึงสร้างกระดาษขึ้น ใน ขณะเดียวกันก็รู้จักการขีดเขียนบันทึกภาพต่าง
ๆดัดแปลงให้เป็นตัวอักษรภาพที่มีชื่อว่า
ไฮโรกรอฟฟิค แต่สิ่งหนึ่งซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดคือ ความเชื่อในการสร้างผลงาน
คือ
1.เชื่อว่าโลกหน้ามีความสำคัญมากสำหรับมนุษย์
2.เชื่อในพระเจ้าหลายองค์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟาโรห์ ถือเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
3.เชื่อว่าหลักการ และกฎเกณฑ์ต่าง
ๆ ทางศิลปะเป็นความสำคัญที่ต้องเคารพนับถือ
ผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นในสมัยอียิปต์ แบ่งตามลักษณะของรูปแบบ และการปกครองแบ่งออกได้ เป็น 3
สมัยคือ
1.สมัยอาณาจักรเก่า
ผลงานที่สร้างขึ้นส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมหลุมฝังศพ และประติมากรรม มากกว่าจิตรกรรม โดยพยายามสร้างตามความเชื่อดังกล่าวมาแล้ว ลักษณะของผลงานมีดังต่อไปนี้
1.ประติมากรรม
1.1.มีลักษณะเน้นความงามด้านหน้า ตามหลักของการมองเห็นตรงหน้า
1.2.ประติมากรรมเป็นรูปคน มักจะมีลักษณะคล้ายผู้ที่เป็นหุ่น
ด้วยความเชื่อว่าวิญญาณจะกลับเข้าร่างเดิมได้
1.3.ผลงานทางประติมากรรม มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกวัสดุ
เพื่อนำมาสร้างสำหรับบุคคลที่เป็นที่รัก และเคารพมาก เช่นเลือกวัสดุที่มีค่า
สร้างเป็นบุคคลที่รักมากที่สุด เป็นต้น
1.4.ประติมากรรม หิน ที่สกัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยม
จะแสดงท่าทางยื่นโปนออกจากแท่งสี่เหลี่ยมไม่ได้
เพราะคุณสมบัติของหิน และจากเหตุนี้เองจึงเป็นผลทำให้ประติมากรรมคนนั่งมีท่าทางโดยเฉพาะขึ้น
2.สถาปัตยกรรม
ผลงานที่สร้างสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ปิระมิด ซึ่งนิยมสร้างกันมากที่สุด
รวมอยู่ใกล้ ๆ กัน จนมีชื่อว่า บริเวณหุบผากษัตริย์
3.จิตรกรรม
จิตรกรรม จะเป็น จิตรกรรมฝาผนังเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
1.มีรูปแบบเรียบ ตัดเส้นรอบนอกชัดเจนด้วยสีหนัก
และระบายสีบริเวณภายในรูปแบบด้วยสีเรียบๆ ซึ่งมีทั้งรูปคนและรูปสัตว์
2.การสับด้านรูปคน มีลักษณะเด่นคือ เขียนส่วนหัวเป็นรูปด้านข้าง
คอด้านข้าง บริเวณทรวงอกด้านหน้า ท่อนขาและเท้าจะเป็นรูปด้านข้าง
3.ลักษณะของภาพแสดงให้เห็นถึงฐานะของคนในภาพเช่นฟาโรห์
จะมีขนาดใหญ่ราชินีรองลงมา
ผลงานในอาณาจักรเก่า แสดงความเชื่อในโลกข้างหน้าอย่างเด่นชัด
และเชื่อว่าฟาโรห์เป็นเทพเจ้าที่มีอำนาจ
2.สมัยอาณาจักรกลาง
อำนาจ หมายถึงความสามรถที่จะบังคับให้ผู้อื่นทำตามความต้องการของตนได้
และเมื่ออำนาจมากเท่าใด ย่อมทำให้ผู้มีอำนาจบังเกิดความหลงมัวเมาในอำนาจและย่อมสลายไปในที่สุด
ในสมัยกลางความเชื่อของประชาชนในทางพิธีกรรม และศาสนามีมากขึ้น ประชาชนต้องการที่พึ่งทางใจมากขึ้น
ผลงานที่มุ่งสนองความต้องการของสังคมจึงมีลักษณะดังต่อไปนี้
1.รู้จักเผ่าอิฐเพื่อใช้ก่อสร้าง และ ปิระมิดให้เล็กลงเพื่อเก็บศพของคนชั้นกลางและพระ
สมัยนี้นิยมสร้างวิหารเพื่อราชินี และพิธีกรรมทางศาสนาอื่น ๆ
2.ทางประติมากรรม ผู้สร้างพยายามเน้นความเหมือน ความงามตามธรรมชาติ
เพิ่มความสละสลวยอ่อนหวานมากขึ้น นอกจากนี้ยังสอดแทรกความดีใจ
เสียใจ ลงในประติมากรรมด้วย
3.สมัยอาณาจักรใหม่
ในสมัยใหม่ ความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าเพิ่มมากขึ้น
และ เชื่อกันว่า พระเจ้านั้นอยู่ใกล้ๆ กับมนุษย์ ซึ่งทำให้เกิดอิทธิพลต่อผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นมากมายจัดเป็นยุคของการ
สร้างโบสถ์ วิหารที่เด่นที่สุด
ลักษณะผลงานที่มนุษย์สร้างทุกประเภทได้ดังนี้
1.นิยมโครงสร้างวางพาด เพื่อใช้วิหาร ตามบริเวณหน้าผา
หรือเรียกว่าวิหารเจาะตามหน้าผา
2.เมื่อสร้างวิหาร ความจำเป็นเกี่ยวกับการตกแต่งหัวเสาก็ตามมา
โดยผู้สร้างดัดแปลงรูปทรงมา
จากธรรมชาติเป็นรูปแบบหัวเสา
3.สถาปนิกพยายามสร้างรูปแบบให้มีความสมดุล ซ้าย ขวา สำหรับวิหารใหญ่
ๆ และนิยมนำ
ประติมากรรมประดับสถาปัตยกรรมด้วย
4.สามารถนำเอาจิตรกรรมฝาผนังมาสร้างความกลมกลืนกับสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี
เมโสโปเตเมีย
ในช่วงเวลาไล่เรี่ยกันกับความก้าวหน้าของอียิปต์ มนุษย์
ที่อาศัยอยู่ตามบริเวณระหว่างลุ่มแม่น้ำทางตะวันออกของอียิปต์
ก็สามารถสร้างผลงานทางศิลปะขึ้นและเหลือตกทอดอยู่มีคุณค่ามากในปัจจุบันนี้
มนุษย์ที่สร้างผลงานในเมโสโปเตเมียนี้ แบ่งออกได้เป็น 2 พวกคือ
1. อินโด ยูโรเปียน อยู่ทางตอนเหนือแถบภูเขา
ตามที่ราบสูง เรียก แอสสิเรีย
2. ซิมิติกส์ อยู่ตอนใต้เรียก
บาบิโลเนียน
1.สถาปัตยกรรม
1.สถาปัตยกรรมนิยมใช้อิฐเป็นวัสดุก่อสร้าง
มีขนาดใหญ่ เช่น
สถาปัตยกรรมซิเกอริท เป็น เทวะสถานเพื่อเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์
2.มนุษย์ผู้สร้างเข้าใจออกแบบโค้งกลมตามหน้าพระวิหารหรือตามสถาปัตยกรรมใหญ่
ๆ ตัดกับผนังลาดเอียง โดยคำนึงถึงแสงเงาที่ตกทอด
2.ประติมากรรม
1.ผู้สร้างนิยมหินทรงกลมนำมาสลักเป็นรูปบุคคลที่เคารพ เช่น พระ
และผู้ครองประเทศ
2.เรื่องราวของประติมากรรมเกี่ยวกับข้องกับกิจกรรมของกษัตริย์
ชัยชนะ การรบ
3.การสร้างประติมากรรมด้วยโลหะตามวิธีทุบ
แผ่ให้เป็นรูปแบบตามต้องการ เป็นที่นิยมมากและแสดงถึงความชำนาญทางโลหะเป็นอย่างดี
4.นอกจากจะมีความเข้าใจในการขึ้นรูปแบบประติมากรรม ตามคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาสร้างแล้วยังสามารถนำวัสดุต่าง ชนิดกันมาผสมเป็นประติมากรรมที่งดงามอีกด้วย
ผลงานของบาบิโลน นี้มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ผลงานของมนุษย์บริเวณบุ่มแม่น้ำไนล์แต่อย่างใด
เป็นรูปแบบโดยเฉพาะ บริเวณฐานจะเป็นทรงกลมและเน้นในลักษณะตรงไปตรงมา
เห็นอย่างไรก็สร้างอย่างนั้นขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น