วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม

รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม



ชาวอียิปต์   จัดเป็นนักช่างสังเกตที่ฉลาด      สังเกตความขึ้นลงของแม่น้ำ อันเป็นกฎของธรรมชาติ   แล้วเรียบเรียงเป็นปฏิทิน  สังเกตโครงสร้างของพืชว่าสามารถนำมาทำประโยชน์ได้  จึงสร้างกระดาษขึ้น  ใน ขณะเดียวกันก็รู้จักการขีดเขียนบันทึกภาพต่าง ๆดัดแปลงให้เป็นตัวอักษรภาพที่มีชื่อว่า
ไฮโรกรอฟฟิค แต่สิ่งหนึ่งซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดคือ  ความเชื่อในการสร้างผลงาน  คือ
        1.เชื่อว่าโลกหน้ามีความสำคัญมากสำหรับมนุษย์
        2.เชื่อในพระเจ้าหลายองค์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ฟาโรห์   ถือเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่


       

 3.เชื่อว่าหลักการ และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทางศิลปะเป็นความสำคัญที่ต้องเคารพนับถือ
           ผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นในสมัยอียิปต์   แบ่งตามลักษณะของรูปแบบ และการปกครองแบ่งออกได้ เป็น  3  สมัยคือ
        1.สมัยอาณาจักรเก่า
        ผลงานที่สร้างขึ้นส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมหลุมฝังศพ  และประติมากรรม  มากกว่าจิตรกรรม  โดยพยายามสร้างตามความเชื่อดังกล่าวมาแล้ว ลักษณะของผลงานมีดังต่อไปนี้
       1.ประติมากรรม
        1.1.มีลักษณะเน้นความงามด้านหน้า  ตามหลักของการมองเห็นตรงหน้า
        1.2.ประติมากรรมเป็นรูปคน  มักจะมีลักษณะคล้ายผู้ที่เป็นหุ่น ด้วยความเชื่อว่าวิญญาณจะกลับเข้าร่างเดิมได้ 
       



1.3.ผลงานทางประติมากรรม  มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกวัสดุ เพื่อนำมาสร้างสำหรับบุคคลที่เป็นที่รัก  และเคารพมาก เช่นเลือกวัสดุที่มีค่า  สร้างเป็นบุคคลที่รักมากที่สุด เป็นต้น
1.4.ประติมากรรม หิน   ที่สกัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยม   จะแสดงท่าทางยื่นโปนออกจากแท่งสี่เหลี่ยมไม่ได้ เพราะคุณสมบัติของหิน  และจากเหตุนี้เองจึงเป็นผลทำให้ประติมากรรมคนนั่งมีท่าทางโดยเฉพาะขึ้น
        2.สถาปัตยกรรม
        ผลงานที่สร้างสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง    ปิระมิด   ซึ่งนิยมสร้างกันมากที่สุด   รวมอยู่ใกล้ ๆ กัน   จนมีชื่อว่า บริเวณหุบผากษัตริย์








        3.จิตรกรรม
        จิตรกรรม จะเป็น จิตรกรรมฝาผนังเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
        1.มีรูปแบบเรียบ ตัดเส้นรอบนอกชัดเจนด้วยสีหนัก และระบายสีบริเวณภายในรูปแบบด้วยสีเรียบๆ ซึ่งมีทั้งรูปคนและรูปสัตว์
        2.การสับด้านรูปคน มีลักษณะเด่นคือ เขียนส่วนหัวเป็นรูปด้านข้าง  คอด้านข้าง บริเวณทรวงอกด้านหน้า    ท่อนขาและเท้าจะเป็นรูปด้านข้าง
        3.ลักษณะของภาพแสดงให้เห็นถึงฐานะของคนในภาพเช่นฟาโรห์ จะมีขนาดใหญ่ราชินีรองลงมา
        ผลงานในอาณาจักรเก่า  แสดงความเชื่อในโลกข้างหน้าอย่างเด่นชัด และเชื่อว่าฟาโรห์เป็นเทพเจ้าที่มีอำนาจ





  2.สมัยอาณาจักรกลาง
        อำนาจ หมายถึงความสามรถที่จะบังคับให้ผู้อื่นทำตามความต้องการของตนได้ และเมื่ออำนาจมากเท่าใด  ย่อมทำให้ผู้มีอำนาจบังเกิดความหลงมัวเมาในอำนาจและย่อมสลายไปในที่สุด
        ในสมัยกลางความเชื่อของประชาชนในทางพิธีกรรม และศาสนามีมากขึ้น ประชาชนต้องการที่พึ่งทางใจมากขึ้น   ผลงานที่มุ่งสนองความต้องการของสังคมจึงมีลักษณะดังต่อไปนี้
        1.รู้จักเผ่าอิฐเพื่อใช้ก่อสร้าง และ ปิระมิดให้เล็กลงเพื่อเก็บศพของคนชั้นกลางและพระ  สมัยนี้นิยมสร้างวิหารเพื่อราชินี และพิธีกรรมทางศาสนาอื่น ๆ
        2.ทางประติมากรรม ผู้สร้างพยายามเน้นความเหมือน ความงามตามธรรมชาติ  เพิ่มความสละสลวยอ่อนหวานมากขึ้น  นอกจากนี้ยังสอดแทรกความดีใจ เสียใจ ลงในประติมากรรมด้วย

     
   3.สมัยอาณาจักรใหม่
        ในสมัยใหม่  ความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าเพิ่มมากขึ้น และ เชื่อกันว่า พระเจ้านั้นอยู่ใกล้ๆ กับมนุษย์  ซึ่งทำให้เกิดอิทธิพลต่อผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นมากมายจัดเป็นยุคของการ สร้างโบสถ์  วิหารที่เด่นที่สุด    ลักษณะผลงานที่มนุษย์สร้างทุกประเภทได้ดังนี้
      1.นิยมโครงสร้างวางพาด เพื่อใช้วิหาร ตามบริเวณหน้าผา หรือเรียกว่าวิหารเจาะตามหน้าผา
      2.เมื่อสร้างวิหาร ความจำเป็นเกี่ยวกับการตกแต่งหัวเสาก็ตามมา   โดยผู้สร้างดัดแปลงรูปทรงมา 
         จากธรรมชาติเป็นรูปแบบหัวเสา






     3.สถาปนิกพยายามสร้างรูปแบบให้มีความสมดุล ซ้าย ขวา สำหรับวิหารใหญ่ ๆ และนิยมนำ
       ประติมากรรมประดับสถาปัตยกรรมด้วย
     4.สามารถนำเอาจิตรกรรมฝาผนังมาสร้างความกลมกลืนกับสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี
เมโสโปเตเมีย
      ในช่วงเวลาไล่เรี่ยกันกับความก้าวหน้าของอียิปต์  มนุษย์ ที่อาศัยอยู่ตามบริเวณระหว่างลุ่มแม่น้ำทางตะวันออกของอียิปต์ ก็สามารถสร้างผลงานทางศิลปะขึ้นและเหลือตกทอดอยู่มีคุณค่ามากในปัจจุบันนี้ มนุษย์ที่สร้างผลงานในเมโสโปเตเมียนี้ แบ่งออกได้เป็น  2 พวกคือ
        1. อินโด ยูโรเปียน  อยู่ทางตอนเหนือแถบภูเขา ตามที่ราบสูง เรียก  แอสสิเรีย
        2. ซิมิติกส์   อยู่ตอนใต้เรียก    บาบิโลเนียน
        1.สถาปัตยกรรม
        1.สถาปัตยกรรมนิยมใช้อิฐเป็นวัสดุก่อสร้าง    มีขนาดใหญ่    เช่น   สถาปัตยกรรมซิเกอริท   เป็น เทวะสถานเพื่อเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์
        2.มนุษย์ผู้สร้างเข้าใจออกแบบโค้งกลมตามหน้าพระวิหารหรือตามสถาปัตยกรรมใหญ่ ๆ  ตัดกับผนังลาดเอียง  โดยคำนึงถึงแสงเงาที่ตกทอด
        2.ประติมากรรม
        1.ผู้สร้างนิยมหินทรงกลมนำมาสลักเป็นรูปบุคคลที่เคารพ เช่น พระ และผู้ครองประเทศ








        2.เรื่องราวของประติมากรรมเกี่ยวกับข้องกับกิจกรรมของกษัตริย์  ชัยชนะ การรบ
        3.การสร้างประติมากรรมด้วยโลหะตามวิธีทุบ แผ่ให้เป็นรูปแบบตามต้องการ เป็นที่นิยมมากและแสดงถึงความชำนาญทางโลหะเป็นอย่างดี
        4.นอกจากจะมีความเข้าใจในการขึ้นรูปแบบประติมากรรม  ตามคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาสร้างแล้วยังสามารถนำวัสดุต่าง ชนิดกันมาผสมเป็นประติมากรรมที่งดงามอีกด้วย
        ผลงานของบาบิโลน  นี้มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ผลงานของมนุษย์บริเวณบุ่มแม่น้ำไนล์แต่อย่างใด เป็นรูปแบบโดยเฉพาะ  บริเวณฐานจะเป็นทรงกลมและเน้นในลักษณะตรงไปตรงมา   เห็นอย่างไรก็สร้างอย่างนั้นขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น